วันจันทร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

คุณลัดดาวรรณ หลวงอาจ

อดีตเด็กบ้านนอกสู้ชีวิตตั้งแต่เด็กที่มุ่งหน้าเข้าเมืองหลวงมาเป็นสาวโรงงาน ปัจจุบันเธอมีอาชีพการงานที่มีเกียรติ คือ ผู้พิพากษา 


พบกับ คุณลัดดาวรรณ หลวงอาจ เรื่องราวของเธอคนนี้ถูกโพสต์ในโลกออนไลน์และสร้างแรงบันดาลใจดีๆให้กับหลายคน อดีตเด็กบ้านนอกสู้ชีวิตตั้งแต่เด็กที่มุ่งหน้าเข้าเมืองหลวงมาเป็นสาวโรงงาน ปัจจุบันเธอมีอาชีพการงานที่มีเกียรติ คือ ผู้พิพากษา
       “จบ ป.6 พ่อแม่ก็ไม่มีเงินส่งให้เรียนต่อ เลยหยุดเรียนและออกมาช่วยพ่อแม่ทำไรทำนา แต่ด้วยความที่ถูกเลี้ยงมาแบบทะนุถนอมจึงโตมาแบบทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง จนคนรอบข้างต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าถ้าไม่มีพ่อแม่ ยายแล้ว ชีวิตจะอยู่อย่างไร ซึงตอนนั้นมีความคิดแค่ว่า ไม่ชอบการทำไร่ทำนาเพราะมันเหนื่อย อยากเรียนหนังสือสูงๆ ทำงานดีๆ ส่งเงินให้พ่อแม่ จบ ม.3 ตอนนั้นอายุ 15 ปี จึงขอพ่อแม่ เข้ากรุงเทพเพื่อหางานทำและหาที่เรียนต่อ งานแรกไปทำงานที่โรงงานปลาทูน่ากระป๋อง จากนั้นย้ายไปทำงานโรงงานทอผ้า ทำได้ 6 เดือน ย้ายไปทำงานที่โรงงานผลไม้กระป๋อง ระหว่างที่ทำงานโรงเรียน ก็ได้เรียน กศน.จนจบ ม.6 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่รู้สึกท้อมากที่สุดเพราะวุฒิ ม.6 ไม่รู้จะไปสมัครอะไรได้ จึงอยากเรียนต่อเลย หางานทำคราวนี้ทำงานก่อสร้างแต่ทำได้ไม่นานเพราะเหนื่อยมาก สุดท้ายมาลงเอยทำงานโรงงานทำชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์"
         "จนกระทั่งได้มาทำที่โรงงานทำเครื่องแฟกซ์ และด้วยความมีวันหยุดเยอะเลยคิดหาที่เรียนจึงไปสมัครที่ ม.รามฯ คณะนิติศาสตร์ ที่เลือกเรียนคณะนี้เพราะวิชาพื้นฐานน้อยดี วิชาหลักก็ไม่มีสอนในชั้นมัธยม มาเริ่มต้นพร้อมกัน คิดว่าตัวเองคงพอเรียนได้ เรียนปี 2 วิชาเรียนเริ่มยากขึ้น ตัดสินใจลาออกจากงานโรงงานมาทำงานร้านสะดวกซื้อใกล้กับมหาวิทยาลัยและทำเรื่องกู้ยืมเงินเพื่อการศึกษา ใช้เวลาสามปีก็จบการศึกษาในระดับปริญญาตรี จากนั้นก็ไปเรียนต่อที่เนติฯ อีกหนึ่งปี ความฝันอยากเป็นผู้พิพากษา เริ่มตอนที่มีโอกาสไปฟังบรรยาย อาจารย์ส่วนใหญ่เป็นผู้พิพากษามาสอน เขาก็จะบอกว่า เวลาเป็นผู้พิพากษาจะไม่มีเส้นสาย การเข้าสู่ตำแหน่ง การเลื่อนตำแหน่งจะเป็นไปตามอาวุโส ไม่มีการแซงกัน ไม่มีระบบข้ามขั้น ที่สำคัญคือผู้พิพากษาจะต้องเก็บตัว อยู่บ้าน ไม่พูดคุยกับใคร ฟังแล้วก็รู้สึกว่านี่ใช่ตัวเราเลย เพราะเป็นคนไม่ชอบคุยกับคนแปลกหน้า ตั้งแต่นั้นเลยคิดอยากจะสอบเป็นผู้พิพากษาให้ได้"
        คนเราเกิดมาเพื่อเรียนรู้และเติบโตขึ้น ตราบใดที่เรายังมีลมหายใจอยู่กับปัจจุบัน การมีเป้าหมายชัดเจน และหาวิธีการเดินไปสู่จุดหมายนั้น ระหว่างทางอาจไม่เป็นไปตามที่หวังก็จะบอกกับตัวเองว่ามันต้องมีวิธีการอื่นที่ให้เราเดินไปสู่ความสำเร็จได้ ทุกเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมาไม่ว่าดีหรือร้ายก็สามารถเป็นครูสอนเราได้ สิ่งที่ดีเราก็ดูไว้เป็นตัวอย่างที่ควรทำตาม สิ่งที่ไม่ดีเราก็ดูไว้เป็นตัวอย่างที่ไม่ควรทำตาม เลือกหาวิธีการที่เหมาะกับตัวเอง หาตัวเองให้เจอ แทนการเลือกโทษโชคชะตาฟ้าดิน พ่อแม่ คนรอบข้าง






ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น